Pseudolithos (ต้นคางคก)
Family: Asclepiadaceae (ตีนเป็ด)
เป็นไม้อวบน้ำที่ถูกค้นพบและบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในปี 1965 โดย Peter René Oscar Bally (P.R.O. Bally) และ Lavranos (น่าจะเป็นคนโปรตุเกส) โดยชื่อ Pseudolithos มาจากการรวมกันของภาษากรีกสองคำ คือ “pseudo” ที่แปลว่า หลอก หรือ ปลอม กับคำว่า “lithos” ที่แปลว่า หิน หรือกรวด เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันก็จะมีความหมายว่า หินปลอม หรือหินหลอก ประมาณนั้น
พื้นที่ที่เจ้า Pseudolithos อยู่อาศัยจะอยู่แถวๆ ประเทศ โซมาเลีย เยเมน และโอมานบางส่วน ซื่งเป็นเขตที่แห้งแล้งพอสมควร โดยแบ่งสายพันธุ์คร่าวๆที่พบในธรรมชาติได้ 8 สายพันธุ์ดังนี้
1.Pseudolithos caput-viperae - โซมาเลีย โดย คำว่า caput-viperae น่าจะมีที่มากจากการที่ลักษณะของลำต้นที่คล้ายกับ หัวของงู Vipera ที่พบได้มากในแถบ แอฟริกาเหนือ ซื่งงูชนิดนี้จะมีจมูกที่แหลมๆ เหมือนกับส่วนยอดของเจ้า Pseudolithos caput-viperae ก็เลยได้ชื่อนี้ไปครอบครอง
2.Pseudolithos cubiformis - โซมาเลีย
3.Pseudolithos dodsonianus - โซมาเลียและโอมาน
4.Pseudolithos horwoodii - โซมาเลีย
5.Pseudolithos mccoyi - เยเมนและโอมาน
6.Pseudolithos migiurtinus - โซมาเลีย
7.Pseudolithos sphaericus - โซมาเลีย
8.Pseudolithos harardheranus - คางคกดอกจิ๋วที่สุดในสกุล หายากมากในตลาดโลก มาจากแถบเมืองโจรสลัด Harardhere ในโซมาเลีย
โดยผิวของลำต้นจะมีลักษณะขรุขระ แล้วถ้าเลี้ยงแบบที่ได้รับแสงแดดมากๆผิวจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลซึ่งดูผิวเผินแล้วคล้ายคางคกในบ้านเรา คนไทยจึงนิยมเรียกว่า “ต้นคางคก” จนติดปาก สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในบ้านเรามากที่สุดและราคาถูกที่สุดก็น่าจะเป็น “Pseudolithos migiurtinus” เพราะค่อนข้างที่จะเลี้ยงง่าย ออกดอกง่าย และโตเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น(ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน)
ลักษณะดอกของ Pseudolithos จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือจะมีกลิ่นที่เหม็นเหมือน “ขี้” เนื่องจากบริเวณที่อยู่อาศัยในธรรมชาติเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ไม่น่าจะมีผีเสื้อมาช่วยในการผสมเกษร มันก็เลยต้องวิวัฒนาการเพื่อล่อแมลงที่มีอยู่จำนวนมากในเขตแห้งแล้ง นั่นก็คือ “แมลงวัน” มาช่วยในการผสมเกษรให้เพื่อที่จะได้ขยายพันธุ์ต่อไป (ซื่งเราก็รู้ๆวันอยู่ว่า แมลงวันชอบตอมขี้ 555) และนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการปรับตัวเพื่ออยู่รอดของสิ่งมีชีวิต
เจ้าต้น Pseudolithos เป็นพืชที่อาศัยอยู่ในเขตแห้งแล้งที่มีน้ำน้อย สามารถทนแล้งได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ชอบน้ำนะครับ ในธรรมชาติที่มันอาศัยอยู่แห้งแล้งมาก จนความชื้นในดินแทบจะไม่มีก็เลยไม่มีที่อยู่ให้เชื้อรา หรือถ้ามีก็มีน้อย เจ้าต้น Pseudolithos ก็เลยไม่ได้ปรับตัวเพื่อป้องกันเชื้อรามากเท่าไร เมื่อนำมาปลูกในบ้านเรา ซึ่งมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ก็เลยเกิดโรครากเน่าลำต้นเน่าเป็นของธรรมดา เพราะเชื้อราบ้านเราเยอะมากๆ หลายตัวเหลือเกิน เราก็เลยต้องเลี้ยงแบบน้ำน้อยๆใช้วัสดุปลูกโปร่งๆระบายน้ำได้ดี เพื่อให้วัสดุปลูกของเราที่ปลูก เจ้าต้น Pseudolithos ไว้ไม่เป็นที่อยู่ของเชื้อราที่จะมาทำให้เกินโรคเน่าอีกที(อ๋อ เป็นเช่นนี้เอง)
Pseudolithos migiurtinus
Pseudolithos migiurtinus
Pseudolithos migiurtinus ต้นนี้แฝด มีฝักแล้ว ของเพื่อนผมเอง
Pseudolithos migiurtinus
ฝักแบบนี้ดูๆแล้วก็คล้ายกับฝีกของต้นชวนชมเลย
เมล็ดมีหน้าตาประมาณนี้ครับ มีขนปุยๆเอาไว้ให้ลมพัดพาไป
Pseudolithos migiurtinus ต้นนี้อายุประมาณ 5 เดือน เห็นจะได้
Pseudolithos migiurtinus อีกมุม
Pseudolithos migiurtinus ต้นนี้เพาะเมล็ดเอง อายุประมาณ 2 สัปดาห์
Pseudolithos cubiformis
Pseudolithos cubiformis ต้นนี้น่าจะอายุประมาณ 8 เดือน
Pseudolithos cubiformis ดูจากผิวแล้วเหมือนคางคกสมชื่อเลย
ต้นนี้ถ่ายมาจากงาน Cactus & Succulents Fair 2015
ต้นนี้ไซส์แม่พันธุ์
Pseudolithos caput-viperae ต้นนี้เป็นไม้ชำหน่ออายุประมาณ 1 ปี
ดอกของ Pseudolithos caput-viperae
ต้นนี้ Pseudolithos harardheranus หายากมากกว่าจะได้มา
ดอกเล็กมากๆ
เล็กแค่ไหนก็ลองเทียบขนาดดูครับ
Pseudolithos dodsonianus
Pseudolithos mccoyi
แมลงวันมาช่วยผสมเกษร
ต้นนี้เป็น Pseudolithos migiurtinus ไซส์ใหญ่มากกก
ลักษณะดอกตอนตูมและตอนบาน
บริเวณตาดอก
พออายุมากๆ บริเวณตาดอกก็จะมีหน่อออกมา กลายเป็นตาหน่อ 555